อุทยานแห่งชาติแม่วงก์



 อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

          จากครั้งหนึ่งที่สายหมอกโอบกอดขุนเขา ส่งสายใยให้สายน้ำผูกพันกับขุนเข ผ่านวันผ่านปีในฤดูกาลที่แตกต่างกัน แต่ความรู้สึก "บางสิ่งไม่เคยเปลี่ยนไป"..."ความรักของสีเขียว" สีของหัวใจและความผูกพัน เมื่อสีเขียวโอบกอดขุนเขา @ อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

          เสียงเพลง Without you ดังขึ้นมา ทำให้เรารู้ว่าในที่หนึ่ง ๆ "เราไม่เคยยืนอยู่คนเดียว" เมื่อเราอยู่ที่ไหน "ใครบางคนก็จะอยู่ที่นั้นเสมอ"

อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

และเมื่อฤดูกาลที่แตกต่างได้หมุนเวียนเปลี่ยนไป "ความหนาวโบยบินมา" ใครคนหนึ่งทำให้ผมรู้ว่าความหนาวเย็นซ่อนความอบอุ่นไว้เสมอ 

อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

          และเมื่อใดก็ตามที่ได้นึกถึงเรื่องของวันวาน สายลมก็พัดพา "ลมร้อน" ให้มาถึง ใครคนหนึ่งทำให้ผมรู้ว่าการรอคอยอะไรบางอย่าง "ไม่ใช่เรื่องที่น่าเบื่ออีกต่อไป"

อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

          และเมื่อไอน้ำเริ่มรวมตัวใหม่อีกครั้ง ฤดูที่แตกต่างของสายฝนก็เริ่มต้นขึ้น ใครคนหนึ่งก็ได้เห็นว่า "สายหมอกโอบกอดขุนเขา" สวยงามแค่ไหน 

อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

          แล้วคุณละฤดูกาลที่แตกต่างกันแบบไหน?? คือแบบของคุณ!!! สำหรับผม "ตัวตนของผมคือฤดูฝน" ฤดูกาลที่ซ่อนความรู้สึกดีไว้มากมาย

อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

          แต่เมื่อความทรงจำในวัยเด็กย้อนกลับมา "ทำให้ผมรู้ว่าคำตอบนี้สำเนาถูกต้อง" ย้อนไปหลายสิบปีที่ผมอยู่ในครอบครัวที่ทำอาชีพเกษตรกรรม เกี่ยวกับงานไร่ เราถูกสอนแกมบังคับให้ทำงานได้ทุกอย่างเช่นเดียวกับคนงานที่จ้างมาอีก 30 - 50 คน ภาพของผมใส่หมวกใบโต ๆ อยู่ที่ไร่งานตั้งแต่เช้าจนมืดในวันหยุดหรือช่วงปิดเทอม 

อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

          ตลอดทั้งปีงานเยอะมาก แต่พอเข้าฤดูฝนงานจะน้อยลง "ฝนตกก็อยู่บ้านไม่ต้องออกไร่" ไม่ต้องลากเครื่องคูโบต้าเอาน้ำเข้าไร่ ไม่ต้องโพกหน้าหลบร้อนจนหายใจไม่ไหว นี่คือสำเนาที่ถูกต้องใช่ไหม? ถ้าผมจะชอบฤดูฝนตั้งแต่เด็ก ๆ 

อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

          ไอน้ำมหาศาลกำลังรวมตัว เมฆฝนกำลังก่อตัวที่ขอบฟ้า "ใครคนหนึ่งที่รักสีเขียวแห่งฤดูฝน" กำลังรู้สึกดีอีกครั้ง ความทรงจำกำลังจะกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมมาอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ย้อนหลังไป 14 เดือนที่แล้ว ผมมาที่นี่แล้วครั้งหนึ่ง ที่นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผม "หลงรักภูเขาฤดูฝน"

อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

          แม่วงก์ในความทรงจำเมื่อ 14 เดือนแล้ว "สร้างแรงบันดาลใจ" ให้ผมกลับมาที่นี่อีกรอบ ผมอยากเห็นในสิ่งที่ผมยังไม่ได้เห็นในตอนนั้น ผมอยากรู้ว่าเหลือเกินว่า "หมอกสีขาวในตอนนั้นซ่อนอะไรไว้"

อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

          ผมขับรถออกจากบ้านในตอน 2 ทุ่ม ขับรถจากนครปฐมขึ้นอยุธยาไปถึงนครสวรรค์ แล้วเปิดโรงแรมกลางเมืองนครสวรรค์ "ได้นอนตอน 5 ทุ่มพอดี" ที่ต้องเดินทางแบบนี้เพราะตอนเช้าขับรถไปอีกไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงที่เที่ยวพอดี ไม่เพลียด้วย

อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

          ระหว่างทางเราผ่านอุทยานแห่งชาติคลองลาน แวะไปดูน้ำตกก่อนดีกว่า ก่อนไปดูน้ำตกเราได้แวะกินส้มตำไก่ย่าง ข้าวเหนียวเติมพลังกันก่อน พร้อมสั่งทำกับข้าวสี่อย่างแยกถุง รวมข้าวอีกสามกล่องไว้ไปกินที่แม่วงก์ ผมกับเพื่อนก็กันเหนียวด้วยการซื้อมาม่าไปอีก เอาไปแค่กินกันหิว คิดว่าน้ำร้อนน่าจะไปขอเจ้าหน้าที่ได้ ส่วนน้ำดื่มต้องเตรียมขึ้นไปด้วยเช่นกัน

อุทยานแห่งชาติแม่วงก์
 กินข้าวเสร็จก็เดินทางไปอีก 5 นาที ก็ถึงอุทยานแห่งชาติคลองลาน ที่นี่มีน้ำตกให้ดูครับน้ำตกที่เห็นได้จากจุดจอดรถเลยทีเดียว 

อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

          หลังจากชมวิวที่น้ำตกคลองลานจนหนำใจแล้ว เราเดินทางไปแม่วงก์ต่อใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็มาถึงที่ทำการอุทยาน เจ้าหน้าที่ใจดี น่ารักมาก แนะนำทุกอย่าง สำหรับข้อมูลบ้านพักเข้านี้เลยครับ

อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

          อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ มีพื้นที่ครอบคลุม 2 จังหวัด คือ จังหวัดกำแพงเพชร และ จังหวัดนครสวรรค์ เป็นหนึ่งในผืนป่าตะวันตกที่มีพื้นที่ป่าสมบูรณ์มากที่สุด ตั้งแต่จังหวัดตากจนถึงจังหวัดกาญจนบุรี มีเนื้อที่ประมาณ 558,750 ไร่ พื้นที่ทิศเหนือของอุทยานฯ ติดกับอุทยานแห่งชาติคลองลาน ทิศใต้ติดกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จังหวัดอุทัยธานี และทิศตะวันตกติดกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง จังหวัดตาก ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2530 

อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

          ป่าส่วนใหญ่ของอุทยานฯ ประกอบด้วยป่าเบญจพรรณ ป่าดงดิบ และป่าเต็งรัง มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญและมีค่ามากมาย เช่น สัก ประดู่ มะค่าโมง ยางแดง เต็ง รัง นอกจากนี้ ยังมีสัตว์ป่าที่หายาก เช่น ช้างป่า กระทิง กวาง หมี แมวลาย และนกมากมาย

อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

          เราขับรถออกจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ เพื่อขึ้นสู่จุดชมวิวห้องเย็น ต้องกรอกรายละเอียดแล้วยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ตรงด่านตรวจบัตรผ่าน

อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

          สองข้างทางเป็นบรรยากาศเหมือน 14 เดือนที่แล้วเลย เขียวสดชื่น แต่ไม่มีฝนเหมือนปีที่แล้ว แต่ผมชักไม่แน่ใจว่าด้านบนเขาจะเป็นยังไง 

อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

          ผมขับรถมาเรื่อย ๆ สองข้างทางเต็มไปด้วยเหวลึก ต้องขับด้วยความระมัดระวัง จากด่านตรวจบัตรผ่านมา 16 กิโลเมตร ก็มาถึง "จุดชมวิวกิ่วกระทิง" หลักกิโลเมตรที่ 81 เดี๋ยวผมพาชมวิวนะครับ ตรงนี้เป็นจุดชมวิวจากข้างทางเลย บรรยากาศดีมาก 

อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

          อาจเป็นแค่ "ความบังเอิญของฤดูกาล" ที่ทำให้บางสิ่งบางอย่างได้พบกัน เหมือนเมื่อ 14 เดือนที่แล้ว ที่ผมได้มาที่แห่งนี้ และก็อีกครั้งในวันนี้ ฤดูกาลที่แตกต่างสร้างความรู้สึกที่แตกต่างกัน ฤดูฝนต่างหากคือช่วงที่ผมกำลังเฝ้ารอ มันเป็นฤดูแห่งความสุขสดชื่นที่สุด "การรอคอย" ที่ผ่านมากำลังจะสิ้นสุดลงในตอนนี้

อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

          ฤดูฝนเป็นช่วงเวลาที่สดใส ทุกชีวิตก็กลับมามีเรื่องราวอีกครั้ง ใครคนหนึ่งก็กำลังเริ่มต้น "สร้างเรื่องราว" ในการเดินทางอีกรอบ ไม่เพียงแค่สีเขียวของต้นไม้เท่านั้น ที่กลับเข้ามามีชีวิตอีกครั้ง แต่ "สีขาวของม่านหมอก" ก็จะเริ่มไหลเข้าสู่ที่นี่เต็ม ๆ ในระยะ 5 - 6 เดือนต่อจากนี้ นั้นหมายถึงความสดชื่นชุ่มฉ่ำปอด "อากาศอันบริสุทธิ์" กำลังจะมาทำให้ชีวิตของที่นี่สดชื่น จากที่รอคอยมานานหลายเดือน 

อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

          สำหรับผมฤดูฝนคือ "สวรรค์ในการเดินทาง" ผมไม่กลัวเลอะ ไม่กลัวเปื้อน มันเป็นฤดูกาลแห่งการชาร์ตแบต ที่จะทำให้ผมมีพลังมากขึ้นในวันต่อ ๆ ไป มันเป็นฤดูกาลที่เราสามารถ "สูดลมหายใจ" ได้ลึกสุดใจที่สุด อากาศดีแค่ไหน ธรรมชาติบริสุทธิ์แค่ไหน ก็ต้องมาในฤดูฝน

อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

          อยากจะเห็นหมอกสีขาวก็ไม่ต้องรอลุ้นว่าอากาศจะดีไหม ลมแรงไหม เพราะบางทีก็ผิดหวัง แต่ในฤดูฝนแค่เพียงป่าเขาได้สายฝน สักพักหมอกสีขาวก็พร้อมที่จะปรากฎอยู่ตรงหน้าเสมอ 

อุทยานแห่งชาติแม่วงก์
 หลังจากชมวิวที่ "กิ่วกระทิง" สักพัก ก็ต้องไปละครับฝนมาแล้ว ทำเอากล้องเละไปเลย ไม่อยากเชื่อเลยเมื่อกี้แดดยังจ้า ๆ อยู่เลย จากป้ายบอกให้เรารู้ว่าช่องเย็นอีกแค่ 12 กิโลเมตร แต่การขับบนภูเขาแบบนี้ ใช้เวลาพอควรนะครับ 

อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

          วิวสองข้างทางที่นี่เต็มไปด้วยเทือกเขาและหุบเขา ขับรถไปดูวิวไป มันเป็นวิวที่แบบอยู่ใกล้สายตามาก เส้นทางคดเคี้ยวเลี้ยวลดไปตามแนวเขา แต่การมาครั้งที่ 2 ทำให้ผมชินเส้นทาง นึกถึง 14 เดือนที่แล้ว ขับยากมาก เพราะตอนนั้นหมอกลงจนมองไม่เห็นทาง

อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

          จากจุดชมวิวกิ่วกระทิงขับมา 8 กิโลเมตร ก็มาถึงจุดชมวิวที่สอง จุดชมวิวนี้เรียกว่า "ขุนน้ำเย็น" อยู่หลักกิโลเมตรที่ 89 เป็นจุดชมวิวที่อยู่ริมถนนเลย รถเข้าถึงไม่ต้องเดินไกล

อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

          วิวตรงนี้จะเป็นป่าเขา ต้นไม้ไม่หนาแน่นเท่าไหร่ แต่ก็เขียวสดชื่น สีเขียวทำให้รู้สึกโล่งสบาย หายใจคล่องและสบายใจมาก

อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

          ทุ่งหญ้าสีเขียวผสมเหลืองเข้มขับกับแสงแดดเบา ๆ น่าลงไปวิ่งเล่นนะครับ ผมมองภูเขาแล้วรู้สึกรักมันมาก คุณเป็นแบบผมไหม???

อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

          จุดชมวิวที่นี่มีสถานที่ให้กางเต็นท์และมีห้องน้ำไว้บริการด้วยนะครับ ด้านบนมีศาลา เป็นจุดชมวิวขุนน้ำเย็น ตามผมขึ้นไปเลย ทางชันมากเดินขึ้นมารู้สึกไม่ไหว หอบเล่นงานซะแล้ว

อุทยานแห่งชาติแม่วงก์
ส่วนสภาพภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อน เรียงรายกันอยู่ตามเทือกเขาถนนธงชัย ลดหลั่นลงมาจนถึงพื้นราบ ประมาณ 40-50 ลูก โดยมียอดที่สูงที่สุดคือ "ยอดเขาโมโกจู" สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,964 เมตร และในช่วงฤดูหนาวจะมีอากาศหนาวเย็นมาก ขณะที่ฤดูร้อนก็จะมีอากาศค่อนข้างร้อนจัดเช่นกัน ซึ่งฤดูที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ อยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ 

อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

          สำหรับแหล่งท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติแม่วงก์มีอยู่มากมาย เช่น น้ำตกแม่กระสา เป็นน้ำตกขนาดใหญ่และสูงที่สุดในบริเวณนี้ มีความสูงกว่า 1,000 เมตร มีชั้นลดหลั่นถึง 9 ชั้น มีน้ำไหลแรงสวยงามตลอดปี, น้ำตกแม่กี เป็นน้ำตกที่มีความสูงประมาณ 200 เมตร แบ่งเป็นชั้น ๆ ถึง 9 ชั้น น้ำไหลเกือบตลอดปี ซึ่งน้ำตกแห่งนี้ได้รับคำกล่าวชมจากหนังสือ ASEAN MAGAZINE เมื่อปี พ.ศ. 2518 ว่าเป็นน้ำตกที่สวยงามที่สุดในเอเซีย

          น้ำตกแม่รีวา เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีแอ่งน้ำลักษณะเป็นอ่างกลมกว้างราว 30-40 เมตร รับสายน้ำที่ตกลงมาเป็นชั้น ๆ มีสภาพสวยงามมาก, บ่อน้ำอุ่น เป็นบ่อน้ำอุ่นที่ผุดขึ้นมาจากใต้ดินตามธรรมชาติ น้ำอุ่นมีอุณหภูมิประมาณ 50 องศาเซลเซียส, แก่งลานนกยูง เป็นแก่งน้ำและแก่งหินที่รายล้อมด้วยป่าเขา เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการล่องแก่งผจญภัย เดินป่าศึกษาธรรมชาติ และพักผ่อนใกล้ชิดธรรมชาติด้วยการพักเต็นท์ 

          เขาโมโกจู ขุนเขาแห่งความหนาวเย็น ด้วยความสูง 1,964 เมตร จากระดับน้ำทะเล จึงเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในแม่วงก์ อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ประมาณ 27 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าไปกลับ 4-5 วัน แม้ระยะทางจะไกลและยากแก่การเข้าไปถึง แต่โมโกจูก็ยังเป็นจุดหมายปลายทางของนักเดินทางหลายๆ คน ที่จะเก็บเป็นความประทับใจครั้งหนึ่งในชีวิต, จุดชมทิวทัศน์ กม.57-115 ตลอดเส้นทางคลองลาน-อุ้มผาง ระหว่างกิโลเมตรที่ 57 - 115 มีจุดชมทิวทัศน์หลายแห่ง แต่ละแห่งสามารถมองทัศนียภาพที่สวยงามมองเห็นทิวเขาไกลสุดสายตา และสามารถกางเต็นท์พักแรมได้ และ ช่องเย็น (กม.93) เป็นจุดสูงสุดของถนนคลองลาน-อุ้มผาง และเป็นจุดสุดท้ายที่ยานพาหนะเข้าถึง มีความสูงประมาณ 1,340 เมตร จากระดับน้ำทะเล อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียล เนื่องจากบริเวณนี้เป็นช่องเขาที่มีสายลมพัดผ่านตลอดเวลา จึงถูกขนานนามว่า "ช่องเย็น"
การเดินทาง

          จากจังหวัดนครสวรรค์ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน ถึงแยกโค้งวิไลบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 307+500 ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1242 (ผ่านอำเภอปางศิลาทอง) ไปประมาณ 40 กิโลเมตร เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1072 ไปอีก 10 กิโลเมตร จะพบสี่แยกคลองลาน ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1117 ถนนคลองลาน-อุ้มผาง ประมาณ 15 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ซึ่งเป็นที่ตั้งบ้านพักโซนที่ 1 (โซนที่ทำการอุทยานแห่งชาติ) และเป็นเส้นทางไปบ้านพักโซนที่ 2 (โซนช่อง)

แหล่งอ้างอิง:https://travel.kapook.com

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย

อุทยานแห่งชาติธารเสด็จ-เกาะพะงัน